Sunday, December 14, 2008

The development of Terminator



สวัสดีครับ โพสต์วันนี้ขอนำเสนอ ภาพยนต์เรื่องล่าสุด ของ คริสเตียน เบล (พระเอกจากภาพยนต์ เรื่อง The Dark Knight ) ภาพยนต์ เรื่องล่าสุด ของเขา คือ The Terminator Salvation ( ภาคสุดท้าย ของ หนังภาคต่อ คนเหล็ก ) แต่ ภาคนี้คงไม่มี อาโนล ชวาสเน็กเกอร์ แน่ ๆ ชมคลิป ความเป็นไป เป็นมา ตั้งแต่ Terminator ภาค 1 จนถึง ภาค ปัจจุบันกันเลย น๊ะครับ









Christian Bale (คริสเตียน เบล)




ชื่ออื่นๆ : Chris
วันเกิด : 30/01/1974
ที่เกิด : United Kingdom
ปัจจุบันอยู่ที่ :
เมืองที่เกิด : United Kingdom

ส่วนสูง : 183

:: ประวัติย่อ ::
คริสเตียน เบล (บรูซ เวย์น/แบทแมน) กว่าสิบปีในวงการทำให้เขาไม่มีใครเหมือน
มีความหลากหลาย และหลายหลาก เขาเกิดในแคว้น เวลส์ เบลโตในประเทศอังกฤษ โปรตุเกส และสหรัฐอเมริกา เขาเริ่มงานภาพยนตร์เรื่องแรกในผลงานของภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองของสปีลเบิร์ก เรื่อง Empire of the Sun ซึ่งทำให้เขาได้รับความสนใจและวิพากษ์วิจาร์ณและได้รับรางวัล พิเศษระดับประเทศ คือ รางวัล National Board of Review สำหรับการแสดงโดยนักแสดงรุ่นเด็ก เบลยังคงได้รับความชมเชยสำหรับบทบาทการแสดงของเขาโดยรับบทเป็นคนถูกกดดัน เนด รอสซิเออร์ในภาพยนตร์ของ เจน เคมเปี่ยน เรื่อง The Portrait of a Lady และเป็น นักข่าวที่ไม่ไว้หน้าใครในภาพยนตร์เรื่อง Velvet Goldmine และเป็นคนหนีออกจากบ้านที่สมองช้าในเรื่อง All the Little Animals โดยแสดงคู่กับ จอห์น เฮิร์ท และ วัยรุ่นสมัย วิกตอเรียในภาพยนตร์ของ คริสโตเฟอร์ แฮมป์ตั้น เรื่อง The Secret Agent ในปี 1999 เขาได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นเอกฉันท์ในบทบาทของความสยองที่น่าตลกและเปลี่ยนไปเป็นฆาตกรต่อเนื่องในภาพยนตร์เรื่อง American Psycho
เมื่อไม่นานมานี้ เบลได้ร่วมแสดงกับ แซมมวล แอล แจ๊คสันในภาพยนตร์เรื่อง Shaft และร่วมแสดงกับ นิโคลาส เคจในภาพยนตร์เรื่อง Captain Corelli’s Mandolin และในภาพยนตร์ผจญภัยสิ้นโลกแนวแฟนตาซีเรื่อง Reign of Fire และอยู่เคียงข้าง ฟรานเชส แมคโดนัลจากภาพยนตร์เรื่อง Laurel Canyon หลังการเสร็จการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เบลจะรับบทคนปลูกยาสูบชื่อ จอห์น โรฟี่ในภาพยนตร์ที่เขียนบทและกำกับการแสดงโดย เทอเรนซ์ มาลิคเรื่อง The New World และร่วมแสดงในภาพยนตร์อิสระเรื่อง Harsh Times ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าโดยมีฉากในเซาท์ เซ็นทรัล ลอสเองเจิ้ลลิส

ผลงานแสดงที่ผ่านมา
The Dark Knight(2008) ...บรูซ เวย์น/แบทแมน
The New World(2007) ...จอห์น โรลเฟ่
Harsh Times(2007) ...จิม เดวิส
The Prestige(2006) ...อัลเฟร็ด บอร์เดน
Batman Begins(2005) ...บรูซ เวนน์


Terminator Salvation






Terminator Part III( Arnold Schazenaker)

Terminator II ( Arnold Schawazegger )





The Terminator( Part I/Arnold Schwazenagger,Michael Bien )


ครับ ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนต์ ทุกเรื่อง ที่ นำเสนอ สุดท้ายขอให้ทุกท่านมีความสุข ผ่านพ้นเรื่อง ร้าย ๆ ทั้งปวง มั่งมี ศรีสุข ตลอด ปี พ.ศ. 2552 ทุกคน น๊ะครับ สวัสดีครับ

สุกิจ บุญปก

e-mail:bpeter.p2@gmail.com

Tel:+66(0)878330089


Sunday, December 7, 2008

กว่าจะเป็น Tony Jaa/ลำดับหนังดัง"ต้มยำกุ้ง"


บล็อค โพสต์ช่วงนี้ขอลำดับ ภาพยนต์ ของ "จา พนม ยีรัมย์" ที่ผ่านมาโดยจะเน้น action แต่ละฉาก ของภาพยนต์ แต่ละ เรื่อง น๊ะ ครับ

สวัสดี ครับ

สุกิจ บุญปก

โทร:+66(0)878330089
e-mail: bpeter.p2@gmail.com

boonplokthaitrip_2008@windowslive.com

phoenix_bk5@yahoo.com

องค์บาก 1




ต้มยำกุ้ง








Monday, December 1, 2008

องค์บาก 2 /Onk-bak 2(Tony Jaa)

ชวนมาดู "องก์บาก 2" กัน น๊ะ จา พนม บู๊ เลือดเดือดเลย คุ้มค่ากับการรอคอย เกือบ 3 ปี ขึ้นหัวภาพยนต์ไว้เลยว่า "ในโลกนี้จะมีซักกี่คน ที่ทำได้ แบบนี้...........จ๊าก....ก.....ก" ข่าว ด่วน...ข่าวด่วน! "เดี่ยว ชูพงษ์(ช่างปรุง) "ก็เล่นด้วย ต่อสู้กับ Tony Jaa สุดยอด !




สุกิจ บุญปก
e-mail:bpeter.p2@gmail.com
boonplokthaitrip_2008@windowslive.com


"องค์บาก 2 "



Friday, November 7, 2008

เดเนี่ยล เคร๊ก,Daniel Craig







พระเอกคนนี้ปัจจุบันเป็นที่ ฮือฮา ในวงการ Hollywood มาก เพราะเป็นพระเอกที่เล่นเป็นตัวประกอบมาตลอดและได้รับบทที่ ไม่ทำให้โด่งดังอะไร ยิ่งในเมืองไทยแทบจะไม่เคยรู้จักเค้าเลยเสียด้วยซ้ำไป สำหรับผมเองเคยดู ภาพยนต์ครั้งแรกที่เค้าเล่นเป็นตัวประกอบ เรื่อง Road to Perdition ที่ ทอม แฮงค์ เล่นเป็น มือปืน ยุค 60 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2,แดเนี่ยล เคร๊ก ก็เล่นเป็นลูก เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ได้ (เลวพอสมควร) แต่อย่างว่าประกบกับดาราระดับ ทอม แฮงค์ ใครจะสู้รัศมีของนักแสดงมากรางวัล อย่าง "ทอม แฮงค์"ได้ แต่ในที่สุด ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ เมื่อ ประมาณปี 2006-2007 "Casino Royale" ก็สร้างความตื่นตะลึงให้นักวิจารณ์ ทั้งในไทย และ ต่างประเทศ ถูกปราบเซียนปากกา กันเป็นแถว ๆ แทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เมื่อทั้งรายได้ และ รางวัลสาขา หลาย ๆ สาขา ตกไปเป็น ของ ภาพยนต์ เรื่อง Casino royale นี่แหละครับ ความแน่นอน ของ สรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ เรา ก็คือความไม่แน่นอน จนในที่สุด แดเนี่ยล ก็ฝ่ามรสุมขึ้นมายื่น อยู่ในแถวหน้า ของวงการ Hollywoodอย่างสง่างาม ผมก็ขอชื่นชมพระเอกคนนี้ ด้วยอีกคนในเรื่องการพัฒนาทักษะ ความอดทนในสาขาวิชา ต่าง ๆเพื่อเป็นแบบอย่างของ นักสู้ อีกคนใน Blog นี้ครับ
ขอบคุณครับ
สุกิจ บุญปก (email:bpeter.p2@gmail.com)




QUANTUM OF SOLACE ได้สานต่อการผจญภัยสุดระทึกของเจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก) ใน CASINO ROYALE
หลังจากที่ถูกหักหลังโดยเวสเปอร์ หญิงสาวที่เขารัก 007 ก็สู้กับแรงกระตุ้นที่จะทำให้ภารกิจล่าสุดของเขากลายเป็นเรื่องส่วนตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยความจริง บอนด์และเอ็ม (จูดี้ เดนช์) ได้สอบสวนมิสเตอร์ ไวท์ (เจสเปอร์ คริสเตนเซน) ผู้ที่เผยว่า องค์กรที่แบล็คเมล์เวสเปอร์นั้นซับซ้อนและอันตรายกว่าที่ใครๆ จะคาดคิดเสียอีก

หน่วยข่าวกรองได้ตามรอยของผู้ทรยศในหน่วย MI6 ไปยังบัญชีธนาคารในไฮติ ที่ซึ่งความเข้าใจผิดได้ทำให้บอนด์ได้รู้จักกับสาวสวยมากพิษสง คามิลล์ (โอลก้า คุรีเลนโก้) หญิงสาวที่มีเพลิงแค้นสุมใจเช่นเดียวกัน คามิลล์นำบอนด์ไปสู่โดมินิค กรีน (มาติเยอ อมัลริค) นักธุรกิจเขี้ยวลากดิน ซึ่งเป็นตัวหมากสำคัญในองค์กรลึกลับนี้

ระหว่างภารกิจที่นำเขาไปยังออสเตรีย อิตาลีและเซาธ์ อเมริกา บอนด์ได้ค้นพบว่า กรีน ซึ่งสมคบคิดวางแผนการที่จะควบคุมแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง กำลังทำข้อตกลงกับนายพลเมดราโน (วาควิน โคซิโอ) ที่ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ด้วยการใช้งานผู้ช่วยของเขาในองค์กรและบงการคนกลางของเขาที่อยู่ใน CIA และรัฐบาลอังกฤษ กรีนสัญญาว่าจะล้มล้างรัฐบาลที่บริหารงานในโบลิเวีย และทำให้ท่านนายพลได้บริหารประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนกับผืนดินที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า

ท่ามกลางการทรยศหักหลัง การฆาตกรรมและการหลอกลวง บอนด์ได้ผูกมิตรกับสหายเก่าในสงครามเพื่อเปิดเผยความจริง ยิ่งเขาเข้าใกล้กับการตามหาตัวชายที่นำมาซึ่งการทรยศจากเวสเปอร์ 007 ก็ต้องนำหน้า CIA พวกผู้ก่อการร้าย หรือแม้กระทั่ง เอ็ม ไปหนึ่งก้าวเพื่อเปิดโปงแผนการชั่วร้ายของกรีนและหยุดยั้ง “ควอนตัม”


ประวัติ แดเนี่ยล เคร๊ก( จาก wikipedia ) และ ผลงานภาพยนต์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

ชื่อจริง
แดเนียล รูทตัน เคร็ก (Daniel Wroughton Craig)
เกิด
2 มีนาคม ค.ศ. 1968 (อายุ 40 ปี)เชสเตอร์, เชสเซียร์ ประเทศอังกฤษ
อาชีพ
นักแสดง
แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) มีชื่อเต็มว่า แดเนียล รูทตัน เคร็ก (Daniel Wroughton Craig) เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) ที่เมืองเชสเตอร์ ในเชสเซียร์ ประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงจากการรับบทเป็นเจมส์ บอนด์ คนที่ 6

[แก้] ผลงานภาพยนตร์ของแดเนียล เคร็ก
ชื่อภาพยนตร์
รับบทเป็น
ปีที่ฉาย
The Power of One
Sgt. Botha
ค.ศ. 1992
A Kid in King Arthur's Court
Master Kane
ค.ศ. 1995
Obession - Besessene Steelen
John McHale
ค.ศ. 1997
Love Is the Devil: Study for a Portrait of Francis Bacon
George Dyer
ค.ศ. 1998
Love and Rage
James Lynchehaun
ค.ศ. 1998
Elizabeth
John Ballard
ค.ศ. 1998
The Trench
Sgt. Telford Winter
ค.ศ. 1999
Some Voices
Ray
ค.ศ. 2000
I Dreamed of Africa
Declan Fielding
ค.ศ. 2000
Lara Croft: Tomb Raider
Alex West
ค.ศ. 2001
Sword of Honor
Guy Crouchback
ค.ศ. 2001
Ten Minutes Older: The Cello
Cecil
ค.ศ. 2002
Road to Perdition
Connor Rooney
ค.ศ. 2002
Sylvia
Ted Huges
ค.ศ. 2003
The Mother
Darren
ค.ศ. 2003
Layer Cake
XXXX
ค.ศ. 2004
Enduring Love
Joe
ค.ศ. 2004
Fateless
American Soldier
ค.ศ. 2005
The Jacket
Rudy Mackenzie
ค.ศ. 2005
Munich
Steve
ค.ศ. 2005
Infamous
Perry Smith
ค.ศ. 2006
Casino Royale
James Bond
ค.ศ. 2006
The Invasion
Ben
ค.ศ. 2007
I, Lucifer
Lucifer
ค.ศ. 2007

Saturday, September 6, 2008

ชูพงษ์ ช่างปรุง (เดี่ยว)















ชูพงษ์ ช่างปรุง (เดี่ยว)





ประวัติ วัน-เดือน-ปีเกิด : 23 มกราคม 2524, ส่วนสูง : 170 ซม., น้ำหนัก : 65 กก., ศาสนา : พุทธ
จังหวัด : กาฬสินธุ์, การศึกษา : กศบ. พลศึกษา วิทยาลัยพละจังหวัดมหาสารคาม ปริญญาตรี มศว.
ความสามารถพิเศษ : มวย , ยิมนาสติก , กระบี่กระบอง, งานอดิเรก : เล่นกีฬา , เล่นดนตรี , เล่นกีตาร์
กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล , ตะกร้อ, สถานที่ท่องเที่ยว : ทะเล,ภูเขา, ดาราที่ชอบ : จา พนม , นิโคลัส เคจ
ศิลปินที่ชอบ : เสก โลโซ, แนวภาพยนตร์ที่ชอบ : Action, ภาพยนตร์ในดวงใจ : face off
ความใฝ่ฝัน : อยากทำงานในวงการไปนานๆ , ได้พัฒนาตนเองทำให้ครอบครัวภูมิใจ
ผลงานที่ผ่านมา : ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง “ องค์บาก”, “ เกิดมาลุย”, “ ฅนไฟบิน” และ “ ปืนใหญ่จอมสลัด”
เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุงเข้าวงการ โดยการร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก หลังจากที่ได้เข้าร่วมพิธีไหว้ครูที่วิทยาลัยพละศึกษา จังหวัดมหาสารคามกับพันนา ฤทธิไกร และจา พนม หลังจากภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก เดี่ยว ชูพงษ์ก็ได้เป็นหนึ่งในทีมสตันท์ของพันนา และด้วยความโดดเด่นทางด้านบุคลิกหน้าตา และความสามารถทางด้านบทบู๊หลากสไตล ์พ่วงด้วยพื้นฐานยิมนาสติคและมวยไทย ทำให้เดี่ยว ชูพงษ์ ได้รับคัดเลือกให้รับบทพระเอกเรื่อง เกิดมาลุย และประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อครั้งเดินทางไปโปรโมทยังประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและอเมริกา








บทสัมภาษณ์ "ชูพงษ์ ช่างปรุง"




Q คือ ถาม A คือ คำตอบ




จากเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้เวลาว่างในการเล่นเตะ ต่อยกับเพื่อนฝูง จนกลายมาเป็นความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักบู๊ และด้วยความสามารถบวกกับความพยายามทำให้วันนี้ชื่อของเดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง ผงาดขึ้นมาเป็นพระเอกนักบู๊แถวหน้าของเมืองไทยด้วยเวลาอันรวดเร็ว เริ่มจากการสร้างชื่อเสียงในภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดระห่ำเสี่ยงตายแบบไม่เหมือนใครใน เกิดมาลุย และนี่คือบทพิสูจน์การก้าวขึ้นมาแบบเต็มตัวของเดี่ยว ในฐานะพระเอกนักบู๊ดาวรุ่งคนใหม่ในภาพยนตร์แอ็คชั่น – คอเมดี้ฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีของสหมงคลฟิล์มกับเรื่อง ฅนไฟบิน Q : เดี่ยวเข้าสู่วงการการแสดงภาพยนตร์ได้อย่างไร A : คือผมเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วก็เลยเข้าเรียนระดับปวช.และปริญญาตรีที่วิทยาลัยพละศึกษา จ.มหาสารคามซึ่งที่โรงเรียนก็มีพี่จา ( จา พนม )เป็นรุ่นพี่ซึ่งเขาเป็นประธานชมรมกระบี่กระบองและมีโอกาสได้ดูเขาโชว์ท่ารำซึ่งผมสนใจมากก็เลยสมัคร จากนั้นก็ได้ไปช่วยเป็นสตันท์ในภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ตอนนั้นผมยังอยู่ปี 4 พอเรียนจบก็ฝึกมวยไทยสตันท์มาตลอดและบังเอิญว่าพี่พันนาจะกำกับภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุย พี่ปรัชญาก็เลยเรียกผมไปแคสติ้งและนำไปเสนอเสี่ยเจียง ปรากฏว่าเสี่ยชอบก็เลยได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุยครับ Q : หลังจากภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุยถ่ายทำเสร็จและเข้าฉายมีกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง A : ถ้าเป็นในเมืองไทยเขาก็จะบอกว่าหนังมันส์ดี บทบู๊ดูจริงจังและเสี่ยงตายมากก็มีบางคนที่จำได้ว่าเราเล่นเกิดมาลุย ส่วนในเมืองนอกผมได้มีโอกาสเดินทางไปโชว์ตัวที่ประเทศอเมริกา ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น เอาหนังเรื่องเกิดมาลุยไปฉาย จากนั้นก็ให้คนที่ชมภาพยนตร์มีโอกาสถามเรา ส่วนใหญ่เขาจะชื่นชมและถามว่าแสดงเองหมดเลยหรือเปล่าถ้าเป็นเมืองนอกกระแสจะดีกว่า จะชื่นชมแบบถึงเนื้อถึงตัว บางประเทศก็ตั้งเป็นแฟนคลับขึ้นมาเลยครับ Q : ให้พูดถึงคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบิน A : คาแรกเตอร์ในฅนไฟบิน ผมรับบทเป็นบักเซียงหรือโจรบั้งไฟ คือชื่อจริงๆคือบักเซียงแต่โจรบั้งไฟเป็นฉายาที่ชาวบ้านตั้งให้ เป็นเด็กบ้านนอก ลูกชาวนา อยู่บ้านเลี้ยงควายแต่ตอนเด็กพ่อแม่ถูกนายฮ้อยฆ่าตายก็เลยตามล้างแค้น และจำคนที่ฆ่าได้ว่ามีรอยสักที่หน้าอก พอโตขึ้นก็จะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปล้นควายจากนายฮ้อยมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่สำคัญเราจะได้ตาม หาคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ด้วย เป็นคนมีฝีมือทางการต่อสู้เพราะตอนเด็กได้ไปฝึกวิชามวยไทย มีบั้งไฟกับตะไลเป็นอาวุธ ถนัดในการใช้เข่าแทงจุดอ่อนของคู่ต่อสู้






Q : เรื่อง ฅนไฟบินจะดูเป็นแฟนตาซีมากกว่าเรื่อง เกิดมาลุย A : ใช่ครับ อย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของผม ซึ่งจะมีอาวุธบั้งไฟกับตะไลอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังต้องห้อยไว้ตลอดเวลาก็ลำบากนิดหน่อยเวลาเล่นท่าต่อสู้ซึ่งเป็นยิมนาสติคก็จะเกะกะเล็กน้อยแต่ถือเป็นอาวุธที่แปลกมากครับ ส่วนซีนแอ็คชั่นฉากที่ดูเหนือจริงที่สุดคือขี่บั้งไฟบุกบ้านลีโอ พุฒครับ แต่มวยไทยในเรื่องก็จะเป็นแบบสมจริงหรือที่เรียกว่า Real Action ส่วนที่ต่างจากเกิดมาลุยคือเกิดมาลุยเขาจะใช้สตันท์ทั้งเรื่องและเอาท่าทุกท่ามาผสมกันไม่มีรูปแบบเน้นเสี่ยงตาย บู๊ระห่ำเป็นหลัก Q : มีการเตรียมตัวในการเล่นเรื่องนี้อย่างไรบ้าง A : สิ่งสำคัญที่สุดคือฝึกซ้อมตลอดเวลาครับ มีการเตรียมร่างกายให้พร้อมพอเสร็จจากเรื่อง เกิดมาลุยผมก็ซ้อมมาเรื่อยๆอยู่แล้ว และพอทราบว่าจะได้เล่นเรื่อง ฅนไฟบิน ก็จะถามพี่เหลิมว่าคาแรกเตอร์เราเป็นอย่างไร ต้องการแบบไหน ต้องมีการทำเวิร์คช็อปกันก่อนพี่เหลิม พี่พันนาเขาก็จะบอกให้ผมทำอย่างนั้น อย่างนี้นะ ผมก็จะถามว่าต้องเพิ่มตรงไหน กล้ามเนื้อให้มันคลายหรือยืดกว่านี้ไหม เขาก็บอกว่าให้เป็นธรรมชาติไม่ให้มันดูเหมือนเป็นการเพาะขึ้นมาให้เป็นชาวบ้านเป็นธรรมชาติจริงๆ ส่วนการพูดภาษาอีสานผมก็ถนัดอยู่แล้วครับไม่เป็นปัญหาอะไร Q : การร่วมงานกับผู้กำกับเฉลิม วงค์พิมพ์ A : ผมชอบเรื่อง7ประจัญบานทั้งสองภาคมากครับ เรียกว่าเป็นแฟนคลับพี่เหลิมเลย ยิ่งได้มาเจอมาร่วมงานกันต้องบอกว่าผมโชคดีมาก พี่เหลิมจะใจเย็น รอให้นักแสดงพร้อมแล้วค่อยถ่าย เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันมากกว่า สนุกมากครับ คนบ้านเดียวกันด้วย Q : การร่วมงานกับพันนา ฤทธิไกร A : พูดถึงในแง่ของการเป็นผู้กำกับคิวบู๊ก่อน คือผมรู้จักพี่พันนามานานแล้วและได้ร่วมงานกันจริงจังในเรื่อง เกิดมาลุย พี่พันนาเขาจะเป็นคนออกแบบฉากแอ็คชั่น ใส่รายละเอียดแต่จะดูพื้นฐานความถนัดผมเป็นหลักและผมก็จะบอกว่าสิ่งนี้ผมทำได้ สิ่งนี้ทำไม่ได้ ตรงนี้เปลี่ยนเป็นแบบนี้ดีกว่าและพี่พันนาก็เป็นคนตัดสินใจ คัดมาให้ผมเล่นครับ ส่วนแง่ของการแสดงซึ่งร่วมงานกันเป็น ครั้งแรก ผมเล่นไม่ได้เลยครับทำใจไม่ได้ซักที จิตใจลึกๆมันอธิบายลำบาก คือผมนับถือพี่พันนาเหมือนพ่อคนหนึ่ง เวลาจะต่อยก็เหมือนเราต่อยกับพ่อมันเป็นความรู้สึกแบบนั้นเลยและพี่พันนาเป็นคนให้วิชากับผมด้วยซึ่งเขาก็ช่วยเต็มที่ หมายถึงต่อยผมเต็มที่เลยนะครับ ( หัวเราะ ) เพราะผมไม่กล้าเล่นเขาเลยเตะหวังให้ผมสวนกลับแต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดีครับ Q : การร่วมงานกับนักแสดงท่านอื่น A : อย่างพี่สามารถ พยัคฆ์อรุณก็ร่วมงานกันครั้งแรก ผมว่าเขาเก่งมากครับแม้ว่าเขาจะเป็นถึงแชมป์มวยแต่การเล่นแอ็คชั่นกับการใช้ชีวิตจริงจะต่างกันแต่เขาก็สามารถผสานกันได้ลงตัวครับ ส่วนน้องอุ้ย นางเอกก็ซนมากครับ กับอุ้ยก็ต้องมีการเวิร์คช็อปกันก่อนด้วยเพราะต้องมีฉากเข้าพระเข้านาง ส่วนพี่พุฒเขาสุดยอดเลยครับ ซึ่งตอนถ่ายก็มีการผิดคิวพี่พุฒก็โดนไปหนักเหมือนกันแต่ผมจะชอบเวลาที่เขาเล่นแอ็คติ้ง เขาตลกมากครับ ซึ่งเมื่อก่อนภาพที่เราเห็นเขาก็เป็นนักร้อง เป็นนักแสดงแต่ยังไม่เคยเจอตัวจริง ผมจะขำเขามากเวลาที่เขาเล่นบทตลกครับ Q : แม้ว่าจะพูดภาษาอีสานแต่ก็ถือว่าเป็นอีสานพีเรียด A : เรื่องภาษาก็จะมีปัญหานิดหน่อยครับ จะมีบางคำที่ต้องปรับเปลี่ยน ให้คนภาคกลางเข้าใจด้วยและต้องให้เข้ากับเนื้อหาของหนังด้วยครับ Q : อยากให้เล่าบทแอ็คชั่นในเรื่อง A : บทแอ็คชั่นก็จะเน้นพื้นฐานของผมเป็นหลักคือพื้นฐานทางด้านยิมนาสติคและมวยไทยสตันท์ อย่างท่าตีลังกาเกลียวแทงเข่าคู่ต่อสู้หรือลังกาหลังตีเข่าคู่ต่อสู้ คือจะเน้นในเรื่องของการแทงเข่ากำจัดจุดอ่อนของคู่ต่อสู้แต่ก็ยังคงคอนเสปต์บู๊ระห่ำเสี่ยงตายเหมือนเดิม เน้นท่ามวยที่จริงจังมากขึ้นแต่ด้วยความที่เป็นแฟนตาซีของเรื่อง ทุกอย่างจึงดูเหนือจริงซึ่งพี่เหลิมเขาจะไม่เน้นการใช้ซีจี ก็จะเป็นแอ็คชั่นล้วนๆ กระแทกกันจริงๆ ลอยอยู่บนสลิงจริงๆ นานเป็นวันๆครับ Q : เล่าถึงฉากที่ยากที่สุด A : ผมว่ายากทุกฉากครับเช่นฉากขี่บั้งไฟความสูงกว่าตึกสามชั้นแถมต้องเหยียบบนบั้งไฟที่เปลวเพลิงลุกท่วมเล่นเอาหนังเท้าผมไหม้หมดเลยครับ ฉากนี้ถือว่าเสี่ยงมากเพราะตัวผมต้องยืนทรงตัวบนบั้งไฟความกว้างแค่เท้าเหยียบ มือก็ไม่ได้เกาะอะไรเลย ต้องทรงตัวอยู่นานมากและต้องกะจังหวะให้ถูกว่าบั้งไฟจะวิ่งชนบ้านเมื่อไหร่ เราต้องรีบเทคตัวออกมาก่อนไม่งั้นตัวเราจะถูกอัดติดไป กับตัวบ้านหรืออย่างฉากที่ผมถูกเกวียนลากไปไกลกว่า 2 กิโล ตัวผมต้องไถลไปกับพื้นดินซึ่งร้อนมากแถมเต็มไปด้วยกรวดทรายทรหดมากครับต้องพยุงตัวไต่ขึ้นไปตามเชือกแล้วก็ทรงตัวอยู่บนเกวียนที่แล่นเร็วมาก ส่วนฉากต่อสู้ที่มันส์ที่สุดคือสู้ท่ามกลางกองคาราวานควาย คือเราไม่สามารถทำให้เขาอยู่นิ่งได้ต้องดูจังหวะด้วย เล่นยังไงตีลังกายังไงไม่ให้โดนเขา ไม่งั้นโดนขวิดแน่นอน ไม่ขวิดแค่ตัวสองตัวนะครับขวิดทั้งฝูงแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ ส่วนฉากแอ็คชั่นที่ลำบากใจที่สุดคือ ต่อสู้กับพี่พันนาครับซึ่งต้องใช้ทั้งหมัด เข่าศอกผมโดนพี่พันนาอัดจนจุกไปหมดเลยครับเพราะผมไม่กล้าเล่นพี่พันนาก็เลยใส่ไม่ยั้งเลยครับ ส่วนฉากเสี่ยงตายที่สุดคงจะเป็นการเล่นกับไฟครับเช่นฉากที่ต่อสู้กับพี่สามารถซึ่งเขามีวิชาอาคมเขาก็จะเสกของพุ่งใส่ผมแล้วเกวียนก็จะติดไฟทั้งหลัง ตัวผมก็จะต้องพุ่งฝ่าเกวียนออกมาหรือฉากที่ผมอยู่บนเกวียนซึ่งกำลังพุ่งเข้าใส่บ้านก็ต้องรีบเทคตัวออกมาไม่งั้นตัวผมและเกวียนก็จะระเบิดแหลกไปพร้อมกัน Q : ทราบข่าวว่ามีอาการบาดเจ็บจากการแสดงด้วย A : สำหรับการบาดเจ็บก็มีบ้างครับเพราะในเรื่อง โจรบั้งไฟเขาไม่ได้ใส่รองเท้าก็จะเจ็บหลังเท้า เอ็นช้ำพักไปเกือบเดือน ซึ่งมีอยู่ซีนหนึ่งผมต้องเตะซ้ำกันหลายครั้ง ทำให้หลังเท้าโดนเอ็นบาด หนังเท้าบวมก็เจ็บครับแต่ไม่หนักเท่าไหร่ Q : ความประทับใจในการทำงานเรื่องนี้ A : ผมรู้สึกว่าทุกคนเป็นกันเองมากครับเหมือนเป็นพี่เป็นน้องเป็นครอบครัวเดียวกัน ทานข้าวด้วยกัน พูดภาษาเดียวกันมันเลยทำให้ผมประทับใจและโลเกชั่นก็ใกล้เคียงกับบ้านเกิดผม ทำงานเรื่องนี้มีความสุขมากครับ ไม่เครียด ไม่เกร็งเลยครับ Q : ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ A : ผมว่าถ้าเป็นคอหนังแอ็คชั่นต้องสนใจอยู่แล้ว ถ้าพูดถึงบทผมว่าดีมากครับ แอ็คชั่นก็ดีทุกอย่าง ถ้าผมพูดคนอาจจะไม่เชื่อก็อยากให้ไปดูเรื่องนี้กันเอง ไปพิสูจน์กันเอง โดยเฉพาะคนภาคอีสานเพราะเป็นหนังที่เอาวัฒนธรรมชาวอีสานมาเผยแพร่ ส่วนคนภาคอื่นก็ดูได้ครับจะได้ทราบว่าชีวิตของคนอีสานเป็นอย่างไรครับยังไงก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบิน ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ







" ปืนใหญ่ จอมสลัด "




ปี 2008 นี้เราจะได้ชมผลงานเรื่องล่าสุดของ ชูพงษ์ ช่างปรุง ในภาพยนต์ เรื่อง "ปืนใหญ่ จอมสลัด"



เนื้อเรื่องย่อ
400 ปีที่แล้ว ลังกาสุกะ รัฐอิสระต้องสูญเสีย รายาบาฮาดูร์ ชาห์ จากการถูกลอบปลงพระชนม์ ราชวงศ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการสถาปนา องค์หญิงฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ธิดาคนโตขึ้นเป็นรายาสตรีองค์แรกแห่งลังกาสุกะ แม้รายาฮีเจาจะปกป้องบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง แต่เหล่าแคว้นรอบด้าน รวมทั้งกลุ่มกบฏและโจรสลัดต่าง ๆ ล้วนหมายจะยึดครองดินแดนอันมั่งคั่งแห่งนี้ จนกระทั่ง ยานิส บรี ปราชญ์แห่งอาวุธชาวดัชท์ เดินทางมาพร้อมกับศิษย์เอกนักประดิษฐ์ชาวจีนนาม ลิ่มเคี่ยม (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เพื่อนำมหาปืนใหญ่ อาวุธที่ดีที่สุดไปถวายรายาฮีเจาใช้ป้องกันบ้านเมือง แต่กลับถูกกลุ่มโจรสลัดที่นำโดยเจ้าชายราไว (เอก โอรี) และ อีกาดำ (วินัย ไกรบุตร) จอมสลัดผู้มีวิชาดูหลำอันแก่กล้า ซุ่มโจมตีเพื่อชิงมหาปืนใหญ่ จนทำให้เรือฮอลันดาระเบิด ยานิส บรีถึงแก่ความตาย กระบอกปืนใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล เหลือเพียงแต่ลิ่มเคี่ยมเท่านั้นที่ยังรอดชีวิตอยู่ เหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นเวลากำเนิดของ ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็กชายชาวเลผู้มีคุณสมบัติพิเศษในตัวที่จะสามารถฝึกวิชาดูหลำขั้นสูงได้ ปารีเติบโตเป็นหนุ่ม พร้อมกับสั่งสมทั้งความสามารถและความแค้นในการสะสางอีกาดำที่ทำให้พ่อและแม่ของตนต้องตาย ลิ่มเคี่ยมซึ่งช่วยชีวิตปารีในครั้งนั้นไว้ได้ หลบมาใช้ชีวิตอยู่กับหมู่บ้านชาวเล พร้อมประดิษฐ์อาวุธพิสดารมากมาย และตั้งกลุ่มก่อกวนตัดกำลังโจรสลัดขึ้น แม้ลังกาสุกะจะมีทหารเอกฝีมือเยี่ยมอย่าง ยะรัง (ชูพงษ์ ช่างปรุง) แต่ฮีเจาก็ยังจำเป็นต้องให้ อูงู (แอนนา แฮมบาวริส) น้องสาวคนเล็กของตนอภิเษกกับ เจ้าชายปาหัง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้ลังกาสุกะ แม้อูงูจะไม่เต็มใจก็ตาม ขณะที่ยะรังนั้นกลับตกหลุมรัก บิรู (ณัฐรดา อภิธนานนท์) องค์หญิงคนรอง แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกนั้นได้ การต่อสู้ของหลายฝ่ายเริ่มขึ้น จนทำให้ปารีได้มาพบกับอูงู ทั้งคู่หลงไปติดเกาะร้างแห่งหนึ่ง เพื่อรักษาตัวจากบาดแผล ที่นั่น…ปารีได้ฝึกวิชาดูหลำชั้นสูงจาก อาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) ปรมาจารย์ทางดูหลำ และค้นพบว่า ดูหลำคือวิชาที่มีทั้งด้านสว่างที่ทรงพลังและด้านมืดที่น่ากลัว ยากจะควบคุมจิตใจเอาไว้ได้ พร้อมกับที่ความรักของทั้งปารีและอูงูได้งอกงามขึ้น ขณะเดียวกัน ลิ่มเคี่ยมกุญแจสำคัญในการสร้างปืนใหญ่ กลับถูกกลุ่มสลัดจับตัวเป็นเชลยไว้ได้ และถูกบังคับให้ต้องสร้างปืนใหญ่ที่จะนำมาใช้ทำลายล้างรัฐลังกาสุกะ
สงครามครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยลังกาสุกะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะกองทัพโจรสลัดกลับสามารถกู้มหาปืนใหญ่ในตำนานนั้นจากก้นทะเลไว้ได้ ลังกาสุกะเป็นเป้าหมายของการทำลายล้าง มีเพียง ยะรังนักรบผู้กล้า ปัญญาของลิ่มเคี่ยม อูงูผู้พร้อมสละทั้งชีวิตและความรักเพื่อแผ่นดิน และพลังดูหลำอันลึกลับของปารีเท่านั้น ที่จะต่อกรกับแสนยานุภาพจากกองทัพโจรสลัดเอาไว้ได้
ครับ ขอให้ทุกท่านเป็นกำลังใจให้กับ ชูพงษ์ ช่างปรุง (เดี่ยว ) ด้วยน๊ะ ครับ
ขอบคุณครับ
สุกิจ บุญปก

Sunday, July 13, 2008

ดอนนี่ เยน


ดอนนี่ เยน หรือ เจิ้น จือ ตัน
ดาราท่านนี้ ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่ง ดัง ทั้งใน เอเชีย และ ฮอลลีวู๊ด มีผลงานมากมายหลายเรื่อง คนไทย ทีชอบแนวการต่อสู้ แอคชั่นเหมือน จริง ผมเองก็ติดตามผลงานของเค้ามาตั้งหลายปี ชื่นชอบตัวเค้ามาก ถึงแม้ช่วงแรกของการแสดงภาพยนต์ของเค้าจะได้รับแต่บทรอง เค้าก็มุมานะ นำเสนอตัวเอง และฝึกฝนเพิ่ม ศักยภาพ ทั้งทางร่างกาย และ ทางด้านการแสดง จนปัจจุบันภาพยนต์ใน ฮ่องกง หลายเรื่องที่มีบท บู๊ เค้าจะเป็นคนเขียนบท และกำกับภาพยนต์เองทั้งนั้น และผมขออนุญาต นำข้อมูลจาก เว๊บไซต์http://www.nangdee.com/name/?person_id=4149 มานำเสนอ ประวัติ และ ผลงานของ ดอนนี่ เยน น๊ะครับ

ชื่ออื่นๆ : เจิ่นจื่อตัน
วันเกิด : 27 ก.ค.2506(ค.ศ.1963)
ปัจจุบัน อายุ:45 ปี
ที่เกิด : กวางตุ้ง ประเทศจีน
เพศ: ชาย

:: ประวัติย่อ :: เยนเติบโตท่ามกลางศิลปะการต่อสู้โดยที่พ่อแม่ของเขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ตอนอายุ 18 ปี เขาได้รับเชิญไปปักกิ่งเพื่อฝึก และมีโอกาสได้พบกับนักออกแบบฉากต่อสู้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอย่าง หยวน วู ปิง ซึ่งเป็นผู้เปลี่ยนชีวิตเขา 1 ปีหลังจากที่ได้พบกัน เยนได้แสดงในหนังเรื่องแรกของเขาที่ชื่อ Drunken Taichi แล้วตามติดด้วยหนังฮิตบ็อกซ์ออฟฟิศอีกหลายเรื่อง เช่น Once Upon A Time In China II และ New Dragon Inn เยนไม่ได้ทำงานเพียงแค่เบื้องหน้า เขายังกำกับและพัฒนาบทหนังด้วยในปี 2000 เยนเคยแสดงในหนังเรื่องแรกที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด เรื่อง Highlander: Endgame ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ ผลงานล่าสุด ได้แก่ Severn Swords, SPL, Blade II, Hero และ The Twins Effect II และหนังอีกหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จทั้งในเอเชียและตลาดโลก เยนได้ไม่เป็นที่รู้จักแค่เพียงในฐานะนักแสดง แต่ผลงานอันน่าทึ่งของเขาในฐานะคนออกแบบฉากต่อสู้ก็ยังได้รับการยอมรับอย่างมากอีกด้วย


ประวัติเรียงตาม :: - ผลงานกำกับ - ผลงานแสดง
ผลงานกำกับที่ผ่านมา
The Twins Effect(2003) ...
ผลงานแสดงที่ผ่านมา
An Empress and the Warriors(2008) ...นายทหารผู้ภักดี
Dragon tiger gate(2006) ...ดราก้อน วู
Seven Swords(2005) ...ฉู่
Shanghai Knights(2003) ...หวู่ชาน
HERO(2003) ...เวหา

Sunday, July 6, 2008

The matial art of the new hollywood acting Hero


จา/ พนม ยีรัม หรือ " TONY JAA" http://www.tonyjaa.com/




บล็อคนี้ ผมขอทำไว้ให้เป็นบล็อคสำหรับยอดนักสู้ทั้งหลาย ทุกวงการ เป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของคนไทยทุกคน ที่กำลังดิ้นรนและต่อสู้ กับ ชีวิต มุมานะเพื่อปรารถนาให้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้ทำประโยชน์อย่างสูงสุดในเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ที่นับวันเวลาจะเหลือน้อยลงไปทุกที ผมเองก็ต่อสู้ดิ้นรนมาตลอดเช่นเดียวกัน ล้มมามากกว่า ที่จะตั้งตัวได้ จนหัวใจกับร่างกายเริ่มจะเข้าใจ ซึ่งกัน และ กันแล้วว่า เมื่อหัวใจล้าร่างกายก็ต้องคอยประคับประคอง ไม่ให้หัวใจ หม่นหมอง หรือ ตรอมใจลงไปได้ ขณะเดียวกันเมื่อร่างกายอ่อนแอ กำลังสำคัญที่จะทำให้ ร่างกายกลับฟื้น มาต่อสู้ได้ก้คือหัวใจที่เข้มแข็งและทรนง องอาจ ฉันใดก็ฉันนั้นมิสามารถจะแยกจากกันไป โดยฝั่งหนึ่งฝั่งใดได้ไม่

จา/พนม หรือ TONY JAA

http://www.adintrend.com/show_admovie.php?id=3026

เป็น"นักสู้"คนแรกของคอลัมน์นี้ที่ผมขอนำเสนอ ประวัติส่วนใหญ่ผมขออนุญาต ยืมข้อมูลมาจากเว็บไซต์ของ "วิกิพีเดีย"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%A1_%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B9%8C

จา พนม ยีรัมย์ หรือ โทนี่ จา (Tony Jaa) เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 ที่จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันอายุ 32 ปี เป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็กชัน ผู้ชำนาญในศิลปะการต่อสู้มวยไทย เทควันโด้ กระบี่-กระบอง และกีฬายิมนาสติก
พนม ยีรัมย์ เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ที่บ้านมีอาชีพทำนาและเลี้ยงช้าง ในวัยเด็กเขาชอบดูหนังกลางแปลง ชื่นชอบการแสดงของเฉินหลง เจ็ท ลีและพันนา ฤทธิไกร และใฝ่ฝันที่จะได้แสดงภาพยนตร์ ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ร่วมงานกับ พันนา ฤทธิไกร เป็นผู้แสดงแทนในบทผาดโผนของภาพยนตร์เรื่องต่างๆ
ในภาพยนตร์เรื่ององค์บาก เขาแสดงบทผาดโผนด้วยตัวเองทั้งหมด โดยไม่ได้ใช้ผู้แสดงแทน อุปกรณ์เครื่องกล หรือคอมพิวเตอร์ช่วยแต่อย่างใด

ผลงาน

[แก้] ภาพยนตร์
[2537] ปลุกมันขึ้นมาฆ่า 4 [1][2]
[2546] องค์บาก
[2547] บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม
[2547] เกิดมาลุย
[2548] ต้มยำกุ้ง
[2548] เสือร้องไห้ (ภาพจากการถ่ายทำเรื่อง เกิดมาลุย, องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง)
[2551] บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2

[แก้] ตัวแสดงแทน
[2540] มอร์ทัลคอมแบท (Mortal Kombat: Annihilation)
[25xx] Gang Gratack
[25xx] อินทรีแดง

[แก้] เกมส์
ต้มยำกุ้ง เดอะเกมส์ - เป็นตัวเอกในเกม

รางวัลสุพรรณหงส์เกียรติยศจาก ต้มยำกุ้ง

ส่วนตัวผมไม่เคยรู้จักคุณ จา แต่ตั้งแต่ดูผลงานเรื่องแรก"องก์บาก" ก็ตามติดผลงานของคุณจามาตลอด เก็บข้อมูลทั้งประวัติ ภาพถ่าย วีซีดี ดีวีดี จนกระทั่งมาถึงภาพยนต์เรื่อง"ต้มยำกุ้ง"ผมก็หมดข้อสงสัยแล้วว่าในวงการภาพยนต์ หนังแอคชั่นระดับโลกคงไม่มีใครเทียบเคียง คุณจา พนม ได้อีกแล้ว แล้วอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทยคือ คุณ จาเป็นคนที่กตัญญูต่อ บุพพการี และผู้มีพระคุณ อย่างมาก ผมขอนับถือคุณ จา พนม มา ณ ที่นี้ และขณะนี้ ผลงานสะท้านโลก มายาในวงการ ภาพยนต์โลกกำลังจะได้ประจักภาพยนต์ฟอร์ม ยักษ์ของคุณ จา พนม อีกถึง 2 เรื่อง เรื่องแรก" องก์บาก 2" และ เรื่อง ที่สอง คือ"ตำนานสมเด็จพระนเรศวร-ยุทธหัตถี" สุดท้ายผมขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของแฟนคลับอีกคนหนึ่ง อวยพรให้คุณ จา พนม และ ครอบครัว จงประสพสุข ตลอดกาล และ ทำภาพยนต์ ดี ๆ มีมาตรฐานระดับ Holly Wood มาให้พวกเราชาวไทย ได้ภูมิใจอีกมาก ๆ น๊ะครับ

Peter Boonplok

(Manager of Suphaphat Group and Travelling)

http://www.pattayaorganize.blogspot.com/